ข่าวการศึกษา

โรงเรียนปลอดภัยอีกหนึ่งหัวใจของการพัฒนาการศึกษา


    

          โรงเรียนหรือสถานศึกษาถือเป็นบ้านหลังที่ 2 ของเด็กๆ เพราะเฉลี่ยแล้วเด็กส่วนใหญ่ได้ใช้เวลาอยู่ที่โรงเรียนประมาณ 7 – 8 ชม.ต่อวัน ยิ่งบางครั้งที่ต้องเดินทางไกลจากบ้านถึงโรงเรียนด้วยแล้ว เวลาที่ได้ใช้กับพ่อแม่นั้น อาจรวมแล้วเป็นเวลาที่น้อยกว่าได้ใช้ที่โรงเรียนเสียอีก เพราะฉะนั้นการสร้างให้โรงเรียนให้เป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก จึงเป็นอีกภารกิจสำคัญที่กระทรวงศึกษาธิการต้องทำอย่างเร่งด่วน และดูแลอย่างใกล้ชิด

          ถือได้ว่ากระทรวงศึกษาธิการภายใต้การนำของ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด เพราะตั้งแต่เริ่มแรกที่ก้าวเข้ารับตำแหน่ง นายณัฏฐพลเคยกล่าวไว้ว่าตนยอมให้เรื่องของการล่วงละเมิดเกิดขึ้นในโรงเรียนไม่ได้ และพยายามหาทางที่จะให้โรงเรียนเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับเด็กๆ ซึ่งเพียงระยะเวลาครึ่งปีหลังจากเข้ารับตำแหน่ง ได้จัดตั้งศูนย์คุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาซึ่งถูกล่วงละเมิดทางเพศ กระทรวงศึกษาธิการ (ศคพ.) ขึ้นในเดือนมีนาคม 2563 เพื่อรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศในโรงเรียนหรือสถานศึกษาในสังกัดของ ศธ.ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกระทำระหว่างเด็กกับเด็ก หรือระหว่างเด็กกับบุคลากรทางการศึกษา สามารถที่จะร้องเรียนผ่านศูนย์ฯ นี้เข้ามาได้

          แม้หลายคนจะมองว่าการจัดตั้ง ศคพ. เป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ แต่หากได้ไตร่ตรองด้วยเหตุและผลแล้วจะพบว่าการเกิดของ ศคพ. ทำให้การจัดการกับเรื่องของการล่วงละเมิดทางเพศมีอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อาทิ เมื่อเกิดข้อร้องเรียนหรือมีคดีความขึ้น จากเดิมที่ครูอาจจะใช้การเจรจาต่อรองกับผู้ปกครองนักเรียนเพื่อกลบเกลื่อนความผิด หรือมีการยอมความกัน แต่ภายใต้การทำงานของ ศคพ. นั้น หากคดีดังกล่าวมีมูลของความผิดจริง จะไม่มีการยอมความเหมือนในอดีต โดยจะมีตัวแทนของเด็กตั้งแต่ผู้อำนวยการโรงเรียน ผู้อำนวยการเขตการศึกษา ไปจนถึงตัว ศคพ.เองที่สามารถยื่นเรื่องดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดได้

          นอกจากนี้ยังมีระบบการสืบหาความจริงที่รวดเร็ว เนื่องจากมี ศคพ. เป็นศูนย์กลางในการสืบสวนคดี เพราะฉะนั้นจากที่เด็ก พ่อแม่ ผู้ปกครอง อาจจะต้องเผชิญกับอิทธิพลในท้องถิ่น จนบางครั้งต้องจำใจยอมความเกิดขึ้น แต่เมื่อมี ศคพ.แล้วจะมีหน่วยติดตามคดีจากส่วนกลางที่ช่วยติดตามคดีจนถึงที่สุด และหากมีความจำเป็นต้องนำเด็กออกจากพื้นที่ เพื่อให้เด็กและผู้ปกครองมั่นใจได้ว่าจะไม่ได้รับอิทธิพลคุกคามและต้องอยู่ภายใต้ความหวาดกลัวในระหว่างการสืบสวนของคดี ศคพ.ก็สามารถช่วยดูแลอำนวยความสะดวกให้ได้
ในระหว่างการสืบสวนหาข้อเท็จจริงจากเดิมที่ผู้ถูกกล่าวหาอาจจะได้รับการย้ายไปอยู่ส่วนกลางหรือพักการทำงาน แต่สำหรับการทำงานของ ศคพ. เมื่อพบว่ามีมูลความผิดแล้ว ศคพ.จะให้ทางสำนักงานเขตการศึกษานั้นสั่งให้บุคคลดังกล่าวให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายในช่วงระหว่างการสอบสวน

          จากสถิติของเด็กนักเรียนกับการล่วงละเมิดทางเพศ จากสำนักวิชาการ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฏร เมื่อเดือนมีนาคม 2561 พบว่า แม้จำนวนตัวเลขการล่วงละเมิดทางเพศจนถึงปัจจุบันจะมีแนวโน้มที่ลดลง แต่เมื่อรวมจำนวนกรณี
แล้วมีไม่ต่ำกว่า 500 กรณี ซึ่งสื่อความหมายได้ว่า ผู้กระทำความผิดในอดีต อาจไม่มีการลงโทษทางวินัย หรือทางอาญาแต่ประการใด

          อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่มีการจัดตั้ง ศคพ. ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา แม้ว่าสถิติการล่วงละเมิดทางเพศยังคงมีตัวเลขที่ลดลงเช่นเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงในการกระบวนการของ ศธ. โดยเฉพาะบทบาทหน้าที่ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ศคพ. สามารถปฏิบัติงานเชิงรุกในการสืบคดีและหาข้อเท็จจริงได้อย่างรวดเร็วภายใน 5 – 7 วัน ในบางคดีสามารถสืบหาข้อเท็จจริงได้ภายใน 24 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งนับว่าเป็นการทำงานที่รวดเร็วกว่าระบบเดิมมาก

          รวมถึงภายหลังหากสอบสวนพบว่า ผู้ถูกร้องเรียนนั้นมีการกระทำผิดจริง ทาง ศคพ.จะทำเรื่องไปยังคุรุสภาให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพโดยทันที ซึ่งถือว่าเป็นการตัดวงจร หรือตัดเนื้อร้ายไม่ให้ผู้ที่กระทำความผิดสามารถกลับเข้ามาอยู่ในระบบการศึกษาไทยอีกได้ และเป็นบทลงโทษที่เด็ดขาดกว่าที่เคยเป็นมาในระบบโครงสร้างการศึกษาไทย

          ทั้งนี้ข้อมูล ณ วันที่ 16 กันยายน 63 พบว่ามีคดีร้องเรียนเข้ามาแล้วทั้งผ่านทาง ศคพ. และการติดตามของศูนย์จากสื่อ ทั้งหมด 16 คดี และได้เพิกถอนใบอนุญาตไปแล้ว 15 ราย และได้ให้ออกจากราชการเพื่อทำการสอบสวนไว้ 1 ราย ด้วยการจัดการที่มีความเด็ดขาดจาก ศคพ. นี้น่าจะเป็นส่วนช่วยให้ผู้ที่กำลังจะกระทำผิดได้มีความยับยั้งชั่งใจในตัวเองบ้าง เพราะการตัดสินโทษในปัจจุบันนั้นมีความเด็ดขาดกว่าเดิม

          นอกจากนี้ในด้านของการเยียวยา ศคพ. ก็มีการประสานงานกับภาคสังคมสงเคราะห์และนักจิตวิทยา ที่จะช่วยดูแลผลกระทบด้านจิตใจให้กับเด็กที่โดนกระทำอีกด้วย

          โดยนักเรียนหรือบุคลากรทางการศึกษาที่มีข้อร้องเรียนหรือถูกล่วงละเมิดทางเพศ สามารถแจ้งข้อมูลได้ทางการสายด่วน 1579 หรือที่ 02-288-5795, 06-5509-991, 08-6003-5592 และ 06-4164-6950 และนายณัฏฐพลยังได้เปิดช่องทางเพื่อร้องเรียนด้านการศึกษาเพิ่มเติมที่ www.nataphol.com อีกด้วย ซึ่งตลอดการสืบสวนและดำเนินคดีนั้นข้อมูลของผู้แจ้งจากทุกช่องทางจะได้รับการเก็บรักษาไว้เป็นความลับ

         ซึ่งการดำเนินการที่กระชับและเด็ดขาดจาก ศคพ. ในครั้งนี้ น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญไปสู่เป้าหมายของการสร้างความปลอดภัยให้กับโรงเรียน ให้โรงเรียนเป็นที่ที่เด็กๆ สามารถใช้เวลาในการเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับกระทรวงศึกษาธิการที่จะพัฒนาเรื่องของระบบการศึกษาไทยต่อไป...

























...เดลินิวส์

ศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา

อาคารศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา ถนนศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม. 10400

0 2354 5730-40 ต่อ 414-415

0 2354 5741

etv_cet@hotmail.com

Centre for Educational Technology

Building Sri-Ayudhaya st., Rajatavee distric Bangkok 10400, THAILAND

66 2354-5730-40 ext. 414-415

66 2354 5741

etv_cet@hotmail.com

©2018 etvthai.tv.All rights reserved